บางคนสงสัยว่า ภาพเยอะแต่ขายได้น้อย โหลดไม่ค่อยมา ขายไม่ค่อยออก
คุณอาจจะมีครบทุกข้อ หรือมีแค่บางข้อก็ตาม ลองนำไปใช้ดู คนเก่งอาจไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป “ฝีมือ” สำคัญก็จริง แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการประสบความสำเร็จครับ แต่ต้องบอกก่อนว่า มีหลายแนวทางที่สามารถประสบความสำเร็จได้ นี่เป็นความเห็นส่วนตัว และเป็นการวิเคราะห์จากประสบการณ์ส่งภาพเวกเตอร์ที่ผ่านมาของผมในระยะเวลา 6 ปี บวกกับการสังเกตพอร์ตจำนวนหนึ่ง ที่หลายคนส่งมาให้ดู ทั้งคนที่สำเร็จและยังไม่สำเร็จ เลยเอามาเขียนให้อ่านแบบกระชับที่สุด
เหตุผลที่ ขายภาพเวกเตอร์ แล้วดาวน์โหลดน้อย มีอะไรบ้าง
1. ภาพยังน้อยเกินไป
บางคนผมเห็นพอร์ตแล้ว เป็นแบบนั้นจริง ๆ คือ คุณภาพค่อนข้างดี ฝีมือไม่ธรรมดา แต่เพราะภาพคุณน้อยไปไงครับ ภาพอยู่ในระดับดี-ดีมาก แต่ใครจะเห็นล่ะครับ ต่อให้คุณภาพดีแค่ไหน มันก็ “จม” เพราะภาพที่เข้าไปใหม่มันเยอะมาก บางคนส่งไปไม่ถึง 10 ภาพ ได้โหลดอยู่ช่วงแรก ๆ และถ้าคุณไม่ส่งต่อ มันจะหายไปจากชีวิตเลยครับ หลายคนยังมีไม่กี่สิบ ไม่กี่ร้อย อย่าเพิ่งใจร้อน
ช่วงแรกที่ผมเริ่มทำ มีภาพอยู่ 500 ภาพ ก็เริ่มเห็นน้ำเห็นเนื้อแล้วครับ ปัจจุบันในภาพที่มีคุณภาพดี ก็ต้องอาศัยหลักพัน ถึงจะเห็นยอดที่เป็นรูปธรรม แต่ถึงแม้ภาพมีมากขึ้น ลูกค้าที่ต้องการภาพใหม่ ๆ ก็ยังมีตลอด คนที่สำเร็จรุ่นใหม่ ๆ ก็ยังมีมาให้เห็นอยู่เช่นกัน
2. น้ำขึ้น ไม่รีบตัก
เมื่อภาพแนวไหนก็ตาม ส่งไปแล้ว มีโหลดทันที แล้วมันมาติด ๆ กันในแต่ละวัน หรือ คุณส่งไป 5-10 ภาพ มันจะมีอยู่ 1-2 ภาพ ที่มีโหลดเยอะกว่าเพื่อน ……ผ่านไป 1 วัน หรือ 1 อาทิตย์ แล้วภาพเดิม ก็ยังมีโหลดอยู่ ให้ส่งแนวนั้นตอกย้ำเข้าไปอีก เพื่อให้ key เดียวกัน มันช่วยกระตุ้นภาพเดิม หรือ ถ้าได้โหลดภาพใหม่ในทันที ยิ่งดีใหญ่
ถ้าภาพใหม่ได้เร็ว ได้ไว ในอนาคต มันก็มีลุ้นที่จะขึ้นมาอยู่ในหน้า pop แทนภาพเดิม ที่อาจจะค่อย ๆ หายไปในวันข้างหน้า มีภาพขึ้นมาแทนที่หมุนเวียนกันตลอด
อ่านเพิ่มเติม –> ภาพเด่นทำไมถึงต้องเน้น
น่าเสียดายที่หลายคน ได้โหลดจากภาพภาพหนึ่งแล้ว ไม่ยอมสานต่อ โหลดจากภาพนั้นมันจะค่อย ๆ หายไป ถ้าไม่ได้มีคุณภาพระดับ Hi-end จริง ๆ
3. พอร์ตไม่มีเอกลักษณ์
ผมสังเกตมาหลายพอร์ต คนที่ทำใหม่ ๆ แล้วประสบความสำเร็จ คุณภาพก็ไม่ได้สูงมากนัก อยู่ในระดับกลาง ๆ (ย้ำว่าระดับกลางนะครับ ไม่ใช่แค่พอผ่าน) แต่เน้นความเป็นเอกลักษณ์แทน ส่งแนวเดียวตลอด ให้ลูกค้าจดจำ
เอกลักษณ์ในที่นี้ อาจไม่ได้หมายถึงแค่ส่งแนวเดียว หรืองานประเภทเดียว แต่มันยังหมายถึงสไตล์ในการสร้างภาพของคุณด้วย เพราะจะมีลูกค้าที่ไม่ได้มองแค่ว่า คุณทำแนวไหน key อะไร แต่เขายังมองไปถึง สไตล์ในการสร้างภาพกราฟิกของคุณด้วย ว่าถูกใจเขาหรือเปล่า
ผมยกตัวอย่างคำว่าสไตล์ง่าย ๆ คือ ถ้าผม อยากได้ภาพวาดแมวกำลังนั่ง จากคน 10 คน ทั้ง 10 คน ก็วาดภาพแมวกำลังนั่งส่งมาที่ผม แต่ผมจะเลือกภาพแมวที่ถูกใจผมมากที่สุด นั่นคือสไตล์ที่ผมชอบ
4. ยังไม่มากพอ
กลุ่มคนที่ทำมาช่วงแรก เน้นคุณภาพ มีหลายภาพที่ติดหน้า pop ไปแล้วเก็บกินยาว ๆ มันได้ผลเพราะภาพใหม่ มันจะค้างอยู่ในระบบนานกว่าปัจจุบันมาก (อันนี้หมายถึง 3-4 ปี ที่แล้วนะครับ) ซึ่งโอกาสในการไต่ระดับขึ้นมามันมีสูง ในช่วงที่ผมเริ่มทำในพอร์ท มี 500 ภาพ ก็เริ่มเห็นรายได้แบบเป็นรูปธรรม เริ่มได้เบิกทุกเดือน
งั้นแปลว่า ปัจจุบันโอกาสจะไต่ระดับขึ้นมา ไม่มีแล้วหรือ ?? ……..ไม่ใช่ครับ มันยังมีอยู่ “เพราะมีคนที่สำเร็จให้เห็นกันอยู่ทุกปี” และ “ลูกค้าที่มองหาภาพใหม่ ๆ ก็มีตลอด”
เพียงแต่ปัจจุบัน มันต้องมี “จำนวน” ที่มากในระดับนึงด้วย เพื่อให้ keyword ของเรา กระจายเข้าสู่ระบบการค้นหา และผ่านสายตาลูกค้า ให้มากที่สุดใน key ที่คุณเล่น และ/หรือ มีจำนวนที่ “มากกกกก” เพียงพอที่จะเปิดหน้าไหน ก็เจอแต่ภาพของคุณ
ผมย้ำอีกทีนะครับว่า การเน้น “จำนวน” ที่ได้ผล ภาพคุณต้องมีคุณภาพในระดับปานกลาง ไม่ใช่เอาแค่ “พอผ่าน” ซึ่งแน่นอนครับ ถ้ามีคุณภาพในระดับที่ดี-ดีมาก และมีจำนวนที่มากด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปได้ไกลขนาดไหน

5. ยังไม่มีมูลค่าในการเอาไปใช้งาน
แปลแบบภาษาบ้าน ๆ ก็คือ ภาพคุณยังไม่ดีพอนั่นเอง แบบไหนถึงเรียกว่า “ดีพอ” การที่เราจะทำภาพให้มีมูลค่า น่าซื้อ น่าโหลด ต้องอาศัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น
- เรื่องความสวยงาม
- ยืดหยุ่นในการใช้งาน
- มีสไตล์ของงานกราฟิกที่ร่วมสมัย
- แนวคิดสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
- ไม่มีปัญหา (ทางเทคนิค) ในเนื้องาน
6. ขอ Keyword โดน ๆ (ได้มั้ย ?)
บางคนทำภาพเก่งมาก ฝีมือไม่ธรรมดา แต่มาตกม้าตายเกี่ยวกับ keyword ซะอย่างนั้น คำที่ควรมีกลับไม่ใส่ เข้าใจว่าอาจจะนึกไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไร เอาง่าย ๆ ภาพคุณเกี่ยวกับอะไร ให้ดู 2 อย่าง ความหมายในเชิงนามธรรม กับ ความหมายแบบรูปธรรม สมมุติว่า คุณสร้างภาพตัวบ้านขึ้นมา 1 หลัง
- ความหมายแบบรูปธรรม คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน หรือ เห็นแล้วตีความได้เลยว่าเป็นภาพอะไร เช่น ถ้าคุณวาด “บ้าน” คำนี้ ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่าอะไรได้บ้าง เอาคำที่มวลมนุษยชาติเขาใช้กันนะครับ ลองนึกถึงว่าถ้าเขาจะค้นหาคำว่า “บ้าน” เขาจะใช้คำว่าอะไร home,house,resident ซึ่ง 2 คำแรก ยังไงคนทั้งโลกก็ต้องใช้ครับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องใส่ลงไป ถ้าไม่ใส่โอกาสที่ลูกค้าจะมาเจอภาพคุณหายไปเยอะแน่นอน
- ความหมายเชิงนามธรรม คือ เมื่อเห็นบ้านหนึ่งหลัง มันสามารถเอาไปใช้ในความหมายใดได้บ้าง ในเชิงเปรียบเทียบและความรู้สึก หรืออะไรก็ตามที่จับต้องไม่ได้ เช่น family(ครอบครัว) หรือถ้าเอาไปใช้ในเชิงธุรกิจ คำว่า loan (สินเชื่อ), sale, buy ก็ได้ ธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อบ้านก็จะมาเอาไปใช้
- เพิ่มเติมลักษณะหรือสไตล์ของภาพเข้าไปด้วย ในฐานะที่ผมเป็นทั้งคนซื้อและคนขาย อยากจะบอกว่า งานที่แยกออกเป็นได้หลากหลายสไตล์ ก็ควรจะใช้คำขยายให้ครบ เช่น ไอคอน ก็จะแยกไปอีกว่า flat icon, outline icon หรือ doodle icon เป็นต้น
ถ้าผมจะหาภาพประเภทไอคอนที่เกี่ยวกับธุรกิจในสไตล์ flat design ก็จะใช้คำว่า business flat icon ยิ่งลูกค้าใช้คำเจาะจงในการค้นหาเท่าไหร่ ก็จะได้ภาพที่ต้องการเร็วขึ้นเท่านั้น
แต่ถ้าผมใช้แค่คำว่า icon คำเดียว ก็จะเจอภาพไอคอนหลากหลายสไตล์ที่เกี่ยวข้องกับทุกอย่างมาให้เลือก ก็จะใช้เวลาที่นานกว่าและเสียเวลากว่าจะได้ภาพที่ต้องการ
การใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับภาพ ตัวช่วยอย่าง Keyword Suggestion ใน Shutterstock ก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่คุณก็ต้องรู้ความหมายและเข้าใจสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารในภาพด้วย อย่าพึ่งแต่ตัวช่วยอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นภาพคุณก็จะมีคีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ดี
7. ไม่มีความสม่ำเสมอ
คนที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางสายนี้ที่ผมรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับผมหรือรุ่นหลัง ๆ แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความมีวินัย ส่งภาพอย่างสม่ำเสมอเป้นเรื่องสำคัญมาก ในความคิดเห็นของผม ผมยกให้ข้อนี้สำคัญที่สุดด้วยซ้ำ เพราะถ้าคุณไม่มีความสม่ำเสมอแค่อย่างเดียว สิ่งอื่น ๆ จะไม่มีวันตามมา เช่น
- ถ้าคุณไม่ส่งงานสม่ำเสมอ ฝีมือคุณก็จะไม่พัฒนา
- ถ้าคุณไม่ส่งงานสม่ำเสมอ คุณจะไม่มีไอเดียที่จะต่อยอดงาน
- ถ้าคุณไม่ส่งงานสม่ำเสมอ จะไม่สามารถวัดผลเรื่องรายได้
- ถ้าคุณไม่ส่งงานสม่ำเสมอ คุณจะไม่รู้ว่าแนวภาพใดของคุณ มีแนวโน้มที่ดีในอนาคต
- ถ้าคุณไม่ส่งงานสม่ำเสมอ คุณจะไม่มีความรู้สึกว่าต้องทำมันทุกวัน ความสม่ำเสมอจะทำให้คุณทำมันเป็นกิจวัตรโดยอัติโนมัติ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพอร์ทเราจะโตขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
- และเมื่อไม่มีอะไรให้วัดผล คุณก็จะไม่รู้ว่าควรจะพาพอร์ทตัวเองไปในทิศทางใด
^ ^ รู้สึกโชคดีที่พบบทความนี้ เพราะในช่วงนี้กำลังรู้สึกเหมือนล่องเรืออยู่กลางมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง 5555 …
พยายามค้นหาจุดบอดของตัวเองในการทำงานส่ง Microstock ที่นอกจากส่งงานได้น้อยแล้วน่าจะมีสาเหตุอื่น
ที่เรายังไม่รู้ไม่แน่ใจอีก แต่บทความนี้ช่วยให้โฟกัสปัญหาของตัวเองได้ชัดขึ้นค่ะ
ขอบคุณมากกกกกๆ นะคะ (จริงๆได้ประโยชน์จากทุกบทความที่ได้อ่่านค่ะ ^_^ ) v.
ยินดีครับผม